ฮาวทูทิ้ง ทิ้งปีเก่าแล้วก้าวสู่ปีใหม่

เป็นภาพยนตร์เข้าฉายช่วงสิ้นปี
ว่าด้วยเรื่องการปล่อยวางประสบการณ์ความทรงจำเดิม
เพื่อเริ่มสู่ชีวิตใหม่
ผ่าน Symbolic ในหนังกับการโละทิ้งสิ่งของที่มี

เรื่องราวเริ่มต้นที่นางเอกของเรื่อง (จีน)
มหาบัณฑิตจบจากสวีเดนย้ายกลับมาประเทศไทย
และต้องการจะ Renovate บ้านเดิม
ที่อาศัยกับครอบครัวมาหลายสิบปี
ให้เป็น Home office สไตล์ Minimalist แบบที่เธอชื่นชอบ
เรื่องราว ประสบการณ์ การเรียนรู้
และการเติบโตทางความคิดของนางเองจึงเริ่มต้นขึ้น


ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นฝึมือกำกับของเต๋อ นวพล
ผู้กำกับคนเดียวกับเรื่อง “ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ”
ที่ได้รับกระแสตอบรับดีก่อนหน้านี้
(อ่านรีวิวภาพยนตร์ฟรีแลนซ์ได้ที่นี่)
สำหรับหนังเรื่องนี้ถึงจะวางตัวเป็นหนังรัก
แต่ไม่ใช่หนังรักสไตล์ตึ่งโป๊ะ ดูแล้วขำ อมยิ้ม หรือฮากระจาย
แบบเรื่องก่อน ๆ หน้านี้ของเต๋อ
ช็อตขำคงได้แบบยิ้มที่มุมปาก
เพราะน้ำหนักไปอยู่ที่อารมณ์ดำดิ่งของหนังเสียมากกว่า

ฮาวทูทิ้งมีบางส่วนที่อ้างถึงการจัดบ้าน
จากหนังสือ New York Times Best seller ของมาริเอะ คนโด
ที่ชื่อว่า “The life-changing magic of tidying up”
หรือชื่อไทยว่า
“ชีวิตดีขึ้นทุกด้านด้วยการจัดบ้านครั้งเดียว”
อ่านรีวิวของหนังสือเล่มนี้ได้ที่นี่

ในภาพยนตร์อ้างถึงวิธีการจัดบ้าน
ที่ก่อนจะทิ้งสิ่งของอะไร
ให้เราถือสิ่งของนั้นในมือแล้วถามตัวเองว่า
ของชิ้นนั้นยัง Spark joy ให้กับเราอยู่หรือเปล่า

นางเอกของเราทิ้งสิ่งของต่าง ๆ ไปอย่างง่ายดาย
โดยไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น
มุมนี้หนังพยายามสื่อให้เห็นถึงคาแร็คเตอร์ของจีน
ว่าเป็นคนที่ไม่ผูกพัน
ไม่เชื่อมโยงความรู้สึกอะไรกับใครง่าย ๆ
ไม่สัมผัสว่าอดีตเคยทำบางเรื่องที่สร้างบาดแผลอะไรกับใครไว้

ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุนี้นางเลยพิศมัย Minimalist ด้วยหรือเปล่า
ที่ไม่ชอบความเยอะ รุงรัง ไม่ใช้สีสันฉูดฉาดใด
และในภาพยนตร์เองจีนปรากฏกายในทุกฉาก
ด้วยเสื้อสีขาว โทนเรียบง่าย
ผมเผ้าตัดสั้น ทัดหู หน้าตามีเครื่องสำอางบางเบา
ประกอบกับสีโทนของหนัง
ที่อาจเป็นความตั้งใจของผู้กำกับ
ทำโทนออกมาหม่น ๆ เรียบ ๆ

จะมีก็แต่นางเอกของเราที่รับบทโดย ออกแบบ ชุติมณฑน์
ที่แบกอารมณ์ซ่อนอยู่ลึก ๆ
ผ่านการแสดงบนสีหน้า แววตาตลอดทั้งเรื่อง
แบบ Less is More
หนังเรื่องนี้เลยเข้าทำนอง น้อยแต่หนัก
คือบทสนทนาที่แช่อยู่กับบางช็อตยาว ๆ
ไม่ปรู๊ดปร๊าดตัดฉับไปมา หรือให้ตัวละครต้องกระโดดโลดเต้น วี๊ดว๊ายยามไม่พอใจ

เรื่องราวดำเนินไปถึงจุดเปลี่ยนเมื่อนางเอก
พยายามจะนำสิ่งของที่เคยคิดจะทิ้ง
นำไปคืนให้เจ้าของแต่ละคน
เพราะเธอเริ่มตระหนักว่าของเหล่านั้นอาจไม่มีคุณค่าต่อเธอ
แต่อาจมีคุณค่าทางใจกับใครบางคน
ทำให้เธอมีโอกาสได้ยิน ได้ฟังความรู้สึก
อารมณ์ของเจ้าของสิ่งของแต่ละอย่าง
พร้อมอดีตที่เธอเคยมีส่วนในความทรงจำนั้น ๆ

ตรงนี้ภาพยนตร์ทำให้เราได้ยินเรื่องราวเดียวกันจากอีกมุมหนึ่ง
เหมือนเราเข้าไปสวมรองเท้าเป็นคนนั้น
(Put yourself into their shoes)
หรือหลายครั้งเราใช้คำว่า Empathy
(เอาใจเขามาใส่ใจเรา)
กระนั้นช่วงแรก ๆ นางเอกก็ยังปฏิเสธกับความรู้สึกนี้
และพยายามบอกตัวเองว่า
อย่าให้ “อีโม” (Emotion) เข้าครอบงำ

ไม่เว้นแม้แต่อดีตที่คุณแม่ของจีนผูกไว้กับเปียโนตัวโปรดของพ่อ
ผู้ซึ่งได้จากครอบครัวนี้และไปมีครอบครัวใหม่นานแล้ว
หากแต่แม่ของเธอยังไม่ยอมให้ทิ้งเปียโน
(ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเล่น)
และวนเวียนร้องเพลงคาราโอเกะ “กุหลาบแดง”
ซ้ำไปซ้ำมายามอยู่บ้าน
กินและนอนบนโซฟาตัวเดิม ๆ
(ใครนึกไม่ออกว่าเพลงอมตะนี้คืออะไรคลิ๊กลิงค์นี้)

แม่ของจีนเสมือนเป็นตัวแทนของคนที่ยังฝังใจอยู่กับอดีต
และยังไม่สามารถ “Move on”
(เป็นคำพูดที่จีนใช้บ่อย ๆ เพื่อตัดอะไรบางอย่างทิ้งจากชีวิต)

Setting ในฉากทำให้ผู้เขียนนึกถึงบรรยากาศที่บ้านตัวเองจริง ๆ สมัยยังเด็ก มันเหมือนมาก ๆ สำหรับบ้านที่เป็น Home Office แบบสมัยก่อน โต๊ะทำงานเหล็กที่คุ้นตา และโต๊ะเดียวกันที่ครอบครัวใช้เป็นทั้งโต๊ะทำงานและโต๊ะกินข้าว พร้อมปฏิทินตัวเลขใหญ่แบบแขวนข้างผนัง


เรื่องมา Peak ช่วงที่จีนได้รู้จักตัวเอง
ผ่านอดีตที่เธอเคยมีกับแฟนเก่าอย่างพี่เอ็ม
และเขาเป็นอีกหนึ่ง Item ที่ถูกเธอทิ้งแบบหายไปไม่กล่าวลา
ช่วงที่เธอย้ายไปเป็นนักศึกษาในสวีเดน

อารมณ์มาปะทุตอนที่เอ็มมาโพล่งช่วงท้ายของเรื่อง
ว่าตอนที่จีนนำของมาคืนพร้อมกล่าวคำขอโทษเขา
จีนทำทั้งหมดเพื่อใคร?
เพื่อเอ็มจะได้ยกโทษให้?
เพื่อจีนจะได้รู้สึกผิดน้อยลงกับตัวเอง?
มาช๊อตนี้ในฐานะคนดูเลยเหมือนโดนบทและผู้กำกับต่อยจนจุก
เริ่มสะอึกกับความตั้งใจเวลาเราขอโทษใครสักคน
ว่าหลายครั้งเราบอกว่าเรากล่าวขอโทษเพื่อใคร
เรารับผิดชอบจริง ๆ กับความรู้สึก
ความคิดของคนรอบข้าง
กับการกระทำ (ที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์)
ของเรามากน้อยแค่ไหน

ได้อ่าน Comment ของหลาย ๆ คนที่ดูเรื่องนี้
แล้วรู้สึกเกลียดจีน มองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ
ในบทเองก็ให้จีนพูดบ่อยเหลือเกินกับคำว่า
“เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง”
อันนี้ถือว่าบทและผู้กำกับทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
ที่ทำให้เรารู้สึกเยี่ยงนั้นต่อมนุษย์คนหนึ่ง

แต่เชื่อหรือไม่ว่าเราอาจพบเห็นคนลักษณะนี้บ่อย ๆ ในสังคม
(ส่องกระจกไปบางทีก็เจอ)
ที่เคยบอกตัวเองด้วยคำพูดแบบนั้นเวลาตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง
โดยที่ยังไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบรอบด้านที่เกิดขึ้นจากตัวเรา


เก๋เดินออกจากโรงหนังด้วยข้อคิด 2 เรื่อง

1. เวลาตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง
เราได้สร้างผลกระทบกับคนรอบข้างอย่างที่เราอาจไม่เคยตระหนักบ้างไหม
(ในภาพยนตร์ใช้ตัวแทนผ่านการ “ทิ้ง”
ซึ่งจริง ๆ มันเป็นคำกริยาอะไรก็ได้ในชีวิตที่เรามีกับผู้คน)

2. พูดว่า “Move on” แบบนางเอกมันง่าย
แต่เอาเข้าจริงสำหรับบางเรื่องทำได้ไม่ง่ายเหมือนที่พูด
วิธีการคือเราควรมีการแทรกแซงปรับเปลี่ยน (Intervention)
หรือทำบางอย่างที่ออกนอกวิถีเดิม ๆ ที่เคยทำ
เพื่อเอาตัวเองออกไปเรียนรู้ แลกเปลี่ยน รับฟังมุมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยสัมผัส

อย่างในเรื่องถ้าจีนไม่เริ่มภาระกิจ
การไล่คืนของที่เธอเคยจะทิ้ง
ให้บรรดาผองเพื่อนหรือคนรักเก่า
(เพราะการทิ้งแบบเดิม โดยไม่พูดจา ไม่กล่าวอำลา
เป็น Pattern หรือวิถีเดิม ๆ ที่เธอเป็นอยู่แล้ว)
เธอคงไม่ได้เรียนรู้ชีวิตในมุมใหม่
ไม่ได้เติบโตทางความคิดในการสัมผัสกับความรู้สึก
ของคนอื่นแบบที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน
และนั่นเป็นความหมายของคำว่า Move on ที่แท้ทรู
คือไม่ได้เปลี่ยนแค่พฤติกรรม
แต่รวมถึงจัดระเบียบมุมมองความคิดใหม่ต่อเรื่องเดิม
จึงจะสามารถทำให้เราก้าวไปข้างหน้าแบบไม่พะวงหลัง


แล้วคุณผู้อ่านล่ะคะ
ปีใหม่นี้ตั้งใจ Move on อะไรที่ออกจากวิถีเดิม ๆ ที่ตัวเองเป็นอยู่
เป้าหมายของปี 2020
จึงไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยากหรือไกลตัว
ขนาดไปปีนยอดเขาชื่อดังเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
แต่อาจจะเป็นเรื่องใกล้ตัว เช่น
หยิบรองเท้าผ้าใบที่วางอยู่ในตู้มานานแสนนาน
ใส่แล้วเริ่มเดินหรือวิ่งแถว ๆ บ้านสัก 2-3 กิโลเมตร

บางคนอาจจะเป็นเรื่องงาน
ด้วยการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ
เช่น ขับรถ วาดภาพ เขียนโค้ด
หรือบางคนอาจเป็นเรื่องความรักความสัมพันธ์
ด้วยการโทรคุยหรือนัดเจอคนที่เราไม่ได้คุยด้วยมานาน

เชื่อเถอะค่ะว่าคุณได้เรียนรู้อะไรที่ใหม่และแตกต่างแน่นอน
เรามาทิ้งปีเก่า (Let go) แล้วก้าวสู่ปีใหม่ (Move on)
แบบคนที่ดีกว่าเดิมในเวอร์ชั่นเรากันค่ะ
Happy New Year 2020!

Pictures Credit:
https://www.businessinsider.sg/minimalist-lifestyle-can-optimize-creativity-2019-2/
https://www.sanook.com/movie/93697/gallery/753753/
https://www.sanook.com/movie/93697/gallery/753773/
https://www.sanook.com/movie/93697/gallery/753777/
https://www.sanook.com/movie/93697/gallery/753785/
https://www.lovecomposer.com/2019/10/10/how-to-move-on-with-the-fantasy-of-dating-your-dream-guy-or-girl/

One thought on “ฮาวทูทิ้ง ทิ้งปีเก่าแล้วก้าวสู่ปีใหม่

Leave a comment